เศรษฐกิจกำลังซื้อปีนี้ยังไม่ฟื้น คนเลี้ยงสัตว์เริ่มลดเกรดซื้ออาหารหมาแมว

นายจดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์สุนัข แมว เปิดเผยว่า ในปี 67 นี้ คาดว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงซึ่งไม่รวมอุปกรณ์เครื่องใช้ และส่งออกจะมีมูลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท เติบโต 3-3.5% ซึ่งถือว่าน้อยลงจากช่วงโควิดที่โต 11-12% เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มชะลอตัว ทำให้เห็นผู้บริโภคลดระดับการซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงในราคาที่ถูกลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังมีอาหารให้สัตว์เลี้ยงได้รับประทานเช่นเดิม

“อีกทั้ง ช่วงก่อนหน้านี้มีผู้เล่นในตลาดสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเยอะ และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในเรื่องราคา การออกโฆษณาใช้นักร้อง ดารา เป็นพรีเซ็นเตอร์ จึงทำให้ผู้บริโภคเกิดการย้ายไปซื้อแบรนด์ใหม่ที่สร้างการรับรู้ได้ดีกว่า และราคาที่ถูกลงโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพ”

สำหรับ โรยัล คานิน ในปีนี้ จึงได้เริ่มเปิดตัวอาหารแมวเฉพาะพันธุ์ จำหน่ายอาหารสุนัข แมวสำหรับสูงอายุ ซึ่งคู่แข่งยังน้อย เพราะสินค้าต้องใช้นวัตกรรม ต้องเคี้ยวง่าย สารอาหารย่อยง่าย ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่มองว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต เนื่องจากขณะนี้สัตว์เลี้ยงเริ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี อายุยืนยาวขึ้น จากปัจจุบันมีสุนัขและแมวที่อายุ 7 ปีขึ้นไป สัดส่วนถึง 15% ของประชากรสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 

ขณะเดียวกันยังเริ่มขยายเข้าไปในกลุ่มสเปเชียลตี้แคร์ เพื่อจับกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ต้องการอาหารแบบเฉพาะเจาะจง อาทิ ดูแลขน ป้องกันนิ่ว และอาหารที่ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเกิน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการหลีกหนีตลาดที่แข่งขันรุนแรง แม้สินค้าในกลุ่มดังกล่าว จะราคาสูงกว่าปกติ 20-30% ขณะเดียวกันยังมีสินค้ากลุ่มประกอบการรักษาโรคที่จำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลสัตว์และสัตวแพทย์จะเป็นผู้จ่ายให้เท่านั้น ตั้งเป้าหมายปีนี้มายอดขาย 5,000 ล้านบาท เติบโต 8% และผลักดันให้ปีหน้าโต 7-8% เช่นกัน

ล่าสุด จึงประกาศความร่วมมือและร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย ต่อยอดแนวทางธุรกิจที่เน้นถึงความต้องการเฉพาะทางของสัตว์เลี้ยง ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้ให้ครอบคลุมรอบด้าน และการเข้าถึงผู้เกี่ยวข้องในวงการสัตว์เลี้ยงให้ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านโภชนาการ การดูแลสุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

“จากความร่วมมือจะเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับน้องแมวน้องหมา ทั้งแนวโน้มของโรคที่เกิดขึ้นใหม่ การดูแลเชิงรุกหรือการป้องกัน การส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการเพื่อสุขภาพ การสนับสนุนการนำความรู้ด้านโภชนาการไปใช้ในทางปฏิบัติ และการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงที่มีความแตกต่างกัน“