2024-12-10 HaiPress
“พิชัย” ชวนสมาชิกหอการค้าอเมริกัน AMCHAM ลงทุนไทยเพิ่ม เร่งใช้แต้มต่อ FTA ไทยผลักดันเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็ว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้รับมอบหมายจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดและกล่าวปาฐกถาในงาน AMCHAM Member Luncheon ที่จัดโดยหอการค้าอเมริกันแห่งประเทศไทย (AMCHAM) โดยมีนางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย(AMCHAM) นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย และสมาชิก AMCHAM เข้าร่วมกว่า 250 คน ณ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ วานนี้ (9 ธ.ค. 67)
นายพิชัย กล่าวว่า เป้าหมายและแผนงานของตนในฐานะ รมว.พาณิชย์ คือทำให้ ศก.ไทยกลับมาเติบโตรวดเร็วที่สุด ดังนั้น รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะส่งเสริมทั้งด้านการค้าและการลงทุนกับนักธุรกิจจากต่างประเทศโดยเฉพาะกับหอการค้าอเมริกัน ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปประชุมเอเปคที่เปรู พบว่า ประเทศในแถบอเมริกาใต้ เช่น ชิลี บราซิล อาร์เจนตินา รวมทั้งเปรู มี GDP และรายได้ต่อหัวที่สูงกว่าประเทศไทย ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% ต่อปี ไทยต้องเร่งเดินหน้าการเติบโตเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนให้มากขึ้น
ตั้งแต่รัฐบาลท่านนายกแพทองธาร เข้ามา ภาพรวมเศรษฐกิจการค้าของไทยในปี 2567 ดีมากขึ้นและมีการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ PCB และ Data centers เป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ ก็ยังเกินดุลนั้น เป็นผลจากการส่งออกของบริษัทสหรัฐฯในประเทศไทยกลับไปยังสหรัฐฯ เช่น Western Digital,Seagate,HP
หลังจากนี้ตนมีแผนจะเดินทางไปยังสหรัฐ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อเจรจากับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐไม่ให้มีการขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกจากไทย โดยไทยอาจเสนอให้ลดภาษีเนื้อวัวจากสหรัฐ หรือนำเข้าข้าวโพดมากขึ้น แทนการขึ้นภาษี และขอให้สมาชิก AMCHAM หรือสมาชิกของหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยและภาคเอกชนของสหรัฐ ช่วยเป็นกระบอกเสียงว่าไทยจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างสหรัฐ กับไทยมากขึ้น
ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบหลายประการในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุน ขณะนี้ไทยมี FTA กับประเทศต่างๆ รวม 15 ฉบับ กับ 18 ประเทศ และล่าสุดคือเราไทยสามารถผลักดัน FTA ไทย-เอฟตา ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ให้ประสบความสำเร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมลงนามในช่วงการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ดาวอส ในเดือน มกราคม 2568 ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่านนายกฯ ในการเร่งเปิดประตูทางการค้า หลังจากนี้ไทยจะเร่งผลักดัน FTA ฉบับอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว
ทั้ง ไทย-อียู ไทย-UAE ไทย-เกาหลีใต้ และ ASEAN-แคนาดา อันจะช่วยให้นักลงทุนและผู้ประกอบการไทยมีแต้มต่อทางการค้า ซึ่งไทยพร้อมอำนวยความสะดวกนักธุรกิจที่ต้องการมาลงทุนในไทย และหากผู้ประกอบการคนใดพบปัญหาสามารถส่งเรื่องมาที่กระทรวงพาณิชย์ติดต่อประสานงานหรือแก้ไขปัญหาให้ได้
รมว.พาณิชย์ ยังได้เล่าถึงนโยบายในการดูแลผู้ประกอบการกลุ่ม SME ตั้งใจจะสร้าง Thailand Brand by ตามด้วยชื่อสินค้าหรือบริษัท เพื่อการันตีสินค้าไทยที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม จะช่วยให้ผู้บริโภคจากทั่วโลกไว้ใจได้ว่าเป็นสินค้าคุณภาพดีจากฝีมือของคนไทย นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญของ SMEs คือการไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่มีปริมาณมาก กระทรวงพาณิชย์ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานรวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs ในแหล่งต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อ
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจของสมาชิกหอการค้าอเมริกันแห่งประเทศไทย สามารถถามคำถามนายพิชัยได้พบว่า มีผู้สนใจถามคำถามนายพิชัยจำนวนมาก ทั้งในประเด็นการสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ปัญหาการขาดแคลนแรงมากในภาคอุตสาหกรรม การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ไทย-กัมพูชา ในฐานะแหล่งขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา