2025-02-20 IDOPRESS
ททท. นำทัพผู้ประกอบการไทย 50 ราย เทรนด์โชว์สินค้าเจาะตลาดอินเดีย หนุน นทท. ถึงเป้า 2.4 ล้านคน สร้างรายได้ 1 แสนล้านบาท
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังร่วมงาน South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2025 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้นำผู้ประกอบการไทย 50 ราย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐอินเดียและทั่วโลก ซึ่งถือเป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในสาธารณรัฐอินเดียและภูมิภาคเอเชียใต้ ระหว่างวันที่ 19-21 ก.พ. 2568 พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยคาดว่าจะเกิดจำนวนการนัดหมายเจรจาธุรกิจภายในงานกว่า 5,000 นัดหมาย เพื่อส่งเสริมตลาดอินเดียสู่เป้าหมาย 2.4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท ในปี 2568
สำหรับคูหาประเทศไทยมีขนาด 300 ตารางเมตร โดย ททท. ได้นำเสนอแบรนด์ Amazing Thailand ชูเสน่ห์ไทย 5 Must Do in Thailand สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด “Sustainable and Luxury” ที่มุ่งนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ทันสมัย มีคุณค่า ควบคู่กับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการออกแบบและตกแต่งจากวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่แสดงถึงภูมิปัญญาของคนไทย ภายในคูหาจัดกิจกรรมมีการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจทางการท่องเที่ยวไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่างประเทศ พื้นที่ให้ข้อมูลข่าวสารสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย และกิจกรรมสาธิตศิลปวัฒนธรรมไทย ได้แก่ กิจกรรมการเพ้นท์ร่มบ่อสร้าง เขียนลวดลายลงบนร่มแบบล้านนา
ทั้งนี้ตลาดอินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดดาวรุ่งของตลาดระยะใกล้นับเป็นตลาดที่มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย 2.1 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในประวัติการณ์และสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ของทั้งปี และติดหนึ่งใน 5 อันดับ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมากสุด แยกเป็น 77% เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง หรือเอฟไอที และกลุ่มทัวร์ 23% เมื่อเทียบสัดส่วนนักนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกพบว่ามีถึง 68% โดยมีจำนวนวันพักเฉลี่ย 6-7 วัน และมีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6-3.7 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป นิยมเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ชื่นชอบการทำกิจกรรมชายหาด รับประทานอาหารไทย ชมแสงสียามค่ำคืน แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี
ขณะที่ในปี 2568 ททท. ได้วางทิศทางส่งเสริมการตลาดโดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในตลาดอินเดีย ได้แก่ กลุ่ม ครอบครัว, เดินทางเพื่อรับรางวัล, แต่งงานและเฉลิมฉลอง, ผู้หญิงเที่ยวคนเดียว, แอคทีฟซีเนียร์, มิลเลนเนียล, การพักผ่อนแบบหรูหรา และนักกีฬากอลฟ์ ควบคู่กับการทำการตลาด นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ผู้หญิงเที่ยวคนเดียว, สูงวัย, เฉลิมฉลอง, ขับรถเที่ยว, เป็นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (โยคะ ดีท็อกซ์) และผจญภัยผ่านการเข้าร่วม โดยในปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ก.พ. 2568 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 2.9 แสนคน
นอกจากนี้ในปี68กระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น จากเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะเมืองรองซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น3.5ล้านที่นั่ง อัตราบรรทุกผู้โดยสายอยู่ที่90%ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19จากปีก่อนที่มีเที่ยวบินเข้าไทย14,490เที่ยวบิน และจำนวนที่นั่ง2.93ที่ล้านนั่ง อัตราบรรทุกผู้โดยสายอยู่ที่72%
คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา