ประกันรถยนต์ไฟฟ้าขาดทุนหนัก ลอสต์พุ่ง 120% ค่าซ่อมสูงกว่าปกติครึ่ง บริษัทประกันแห่ถอย เตือนชะลอหั่นเบี้ย แต่ยังเหลือ 3 บริษัทที่ยังสู้อยู่

นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัททิพยกรุ๊ปโฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน)และกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ทิพยประกันภัย ในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับสมาชิกบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อประเมินสถานการณ์การรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี โดยภาพรวมพบว่าธุรกิจประกันวินาศภัยกำลังประสบปัญหาขาดทุนซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลก ที่มีการจ่ายเคลมสูงกว่าค่าเบี้ยอย่างมาก จึงได้แจ้งเตือนสมาชิกให้เพิ่มความระมัดระวังในการรับประกัน และประเมินการแข่งขัน และการกำหนดราคาเบี้ยประกันให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง

“ในการประเมินพบว่า อัตราเฉลี่ยค่าซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์สันดาปถึง 50% แต่เบี้ยประกันกับมีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป หรือสูงกว่าเพียงเล็กน้อยซึ่งไม่เพียงพอ ส่งผลให้อัตราการจ่ายค่าสินไหมในการเคลมสูงถึง 120% ของเบี้ยประกัน ทำให้การทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าขาดทุนมาก จึงได้มีการหารือกับสมาชิกสมาคมฯ 15 บริษัท ให้เพิ่มความระมัดระวังในการรับประกัน ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทประกันหลายแห่งได้ถอนตัวจากการแข่งขันประกันรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว แต่ยังมีเหลืออยู่ประมาณ 3 บริษัทที่ยังคงยืนยันที่จะแข่งขันอยู่ ซึ่งก็ต้องให้แข่งขันตามเสรี ”

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การรับประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีปัญหาขาดทุน เนื่องจากการประกันรถยนต์อีวีเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่มีแนวทางออกมาชัดเจน และในต่างประเทศหลายประเทศก็ขาดทุนเหมือนกัน โดยรถยนต์อีวีแม้จะมีราคาจำหน่ายไม่สูง แต่มีค่าบำรุงรักษา และซ่อมแซมเพิ่มสูงมาก นอกจากแบตเตอรี่มีราคาแพงแล้ว การเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่อื่นๆ จะต้องเปลี่ยนยกชุด ไม่เหมือนกับรถสันดาปที่สามารถเปลี่ยนอะไหล่เป็นรายชิ้นได้

ส่วนบริษัททิพยประกันภัย แม้จะยังรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ แต่ก็มีการชะลอการรุกตลาดลง โดยจะรับประกันรถยนต์ในระดับราคาที่เหมาะสม ไม่ได้แข่งขันกันที่ราคา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปร่วมรับประกันให้กับรถยนต์ไฟฟ้าค่ายดัง แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รับแล้ว ทำให้ภาพเบี้ยประกันรถยนต์อีวีของทิพยประกันภัย ลดลงจากเคยสูงถึง 400-500 ล้านบาท แต่ตอนนี้เหลือเพียง 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น

นายสมพรกล่าวว่า ผลดำเนินงานของทิพยประกันภัยในปี 68 คาดจะเติบโตตามเบี้ย ซึ่งมั่นใจว่าขยายตัว 2 เท่า ของอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.5% อย่างไรก็ตามภาพรวมของการรับประกันชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามการลงทุนของรัฐที่ชะลอตัว ส่วนกรณีรัฐบาลมีแนวคิดทบทวนการลดหย่อนภาษี เบื้องต้นได้เสนอให้มีการแยกสิทธิการนำเบี้ยประกันสุขภาพ และประกันที่อยู่อาศัยออกจากประกันชีวิต เพื่อกระตุ้นให้คนทำประกันภัยกันมากขึ้น