2025-03-05 HaiPress
สรท. ชี้ทรัมป์ 2.0 สงครามการค้าเต็มรูปแบบ ระเบิดเวลาส่งออกไทย เหตุเดาไม่ออกสหรัฐจะเล่นงานออกมาตรการกับประเทศไหนอีก จี้รัฐเตรียมรับมือโดยด่วน ส่วนส่งออกเดือนม.ค. ที่โตถึง 13.6% เป็นภาพลวงตา เหตุทั่วโลก และไทย เร่งส่งออกไปสหรัฐ เลี่ยงถูกเก็บภาษีเพิ่ม
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ว่า ไตรมาสแรก มั่นใจว่า จะขยายตัว 7-8% โดยมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ขณะนี้ สหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโกแล้ว ซึ่งไทยคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษี ที่มีต่อสินค้าบางรายการ เช่น เหล็ก หรือไทยอาจถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการได้ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องหามาตรการรองรับผลกระทบโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ยังไม่รู้ว่า สหรัฐจะใช้มาตรการใด กับประเทศใดอีก ต้องติดตามใกล้ชิดในเดือน เม.ย.นี้
“สิ่งที่ทำได้ขณะนี้คือ ปรับตัวและรับมือกับสงครามการค้า เพราะเราเห็นไฟไหม้อยู่นอกบ้าน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ลามถึงบ้านเรา จากนี้ไปสงครามการค้าเต็มรูปแบบ จะเป็นระเบิดเวลาของการส่งออกไทย โดย สรท. มีข้อเสนอแนะให้ผู้ส่งออกไทยที่ทำการค้ากับสหรัฐ ควรมีแผนรองรับความเสี่ยง เช่น มองหาตลาดอื่นทดแทนเพื่อกระจายสินค้า หารือผู้นำเข้า ทูตพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเตรียมการรับมือร่วมกัน และเร่งใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ และใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่มีอยู่ให้เต็มที่ เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้า การลงทุน”
ส่วนไตรมาส 2 ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะการขึ้นภาษีของสหรัฐจะส่งผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งผลกระทบทางตรงอาจไม่มากนัก แต่จะกระทบทางอ้อมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสำคัญ เช่น เหล็ก รวมถึงอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์ ที่จะมีผลต่อห่วงโซ่การผลิตสินค้าอื่นๆ ที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเห็นจีน แคนาดา เม็กซิโก หาตลาดใหม่ทดแทนการส่งออกสินค้าไปสหรัฐได้น้อยลง ทำให้เกิดซัพพลาย ดิสรัปชั่น และการแข่งขันกันลดราคาขาย เพื่อความอยู่รอด
สำหรับการส่งออกเดือน ม.ค. 68 ที่ขยายตัวถึง 13.6% มูลค่า 25,277 ล้านดอลลาร์นั้น เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เห็น โดยภาคการผลิตยังไม่ฟื้น แต่มีการเร่งส่งออกไปสหรัฐเพื่อหนีผลกระทบจากการขึ้นภาษี ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงเพราะความต้องการใช้น้อยลง ค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลง โดยการส่งออกไทยปี 67 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐ 35,000 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดดุลการค้ากับจีนมากถึง 45,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณให้ไทยต้องทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับการส่งออกและนำเข้า
อย่างไรก็ตาม สรท. ยังคงเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ ไว้ที่ขยายตัว 1-3% เมื่อเทียบกับปี 65 โดยมีมูลค่า 305,000 ล้านดอลลาร์ ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนเสมือนระเบิดเวลา ได้แก่ 1.การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดุลการค้าเพิ่ม แต่สัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศน้อย ประกอบกับไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐใช้มาตรการทางภาษี ทำให้ผลกระทบตกอยู่กับผู้ประกอบการในประเทศ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
นอกจากนี้ 2.ความเสี่ยงจากสินค้าจีนทะลักจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐ แต่ไทยขาดระบบควบคุม ส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยแข่งขันด้านราคาไม่ได้ และอาจต้องปิดกิจการ รวมถึงขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้น 3.เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ยังเข้าถึงยาก ทำให้การลงทุนและการเติบโตของธุรกิจทำได้ช้า 4.ผลิตสินค้าล้าสมัย 5.ขาดแรงงานที่มีฝีมือ 6.อุตสาหกรรมไทยและภาคการผลิตขาดทิศทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อน ทำให้ขาดประสิทธิภาพ
คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา