ฉายภาพประกันวินาศภัยยุค AI ผ่านมุมมอง ดร.สมพร สืบถวิลกุล

2025-09-24 HaiPress

สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม ก้าวสู่ความยั่งยืนในโลกใหม่ ฉายภาพประกันวินาศภัยยุคใหม่ ผ่านมุมมอง ดร.สมพร สืบถวิลกุล

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้บรรยายในเวที Executive Talk ภายใต้หัวข้อ “เร่งสร้างนวัตกรรม สู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจประกันภัยที่ยั่งยืนในโลกใหม่” โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวของภาคธุรกิจประกันภัย ท่ามกลางบริบทของ “โลกใหม่” ซึ่งไม่ใช่เพียงยุคหลังการระบาดของโควิด-19 หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศ และพฤติกรรมของผู้บริโภค

“โลกในยุคปัจจุบันคือยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงรุกในทุกด้าน ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทางธุรกิจ ไปจนถึงการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองต่อบริบทดังกล่าว โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีความคาดหวังว่าทุกขั้นตอนของบริการต้องสามารถดำเนินการผ่านสมาร์ตโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งการซื้อประกัน การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และการติดต่อบริการ”

ในขณะเดียวกัน การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI,Big Data,IoT,Sensor,Robotic และ Blockchain ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่ในรูปแบบ InsurTech ซึ่งอาจไม่มีสำนักงานแบบดั้งเดิม สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ ความสามารถในการเข้าใจความเสี่ยงและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี เช่น น้ำท่วม พายุ ภัยแล้ง และไฟป่า ภาคธุรกิจประกันภัยจึงจำเป็นต้องปรับปรุงโมเดลการประเมินความเสี่ยงใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนา Climate Risk Insurance และระบบบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงพื้นที่ เช่น Flood Zoning ที่สามารถนำมาใช้ในการกำหนดเบี้ยประกันภัย เงื่อนไขความคุ้มครอง และการบริหารพอร์ตโฟลิโอของบริษัทประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็น ESG (Environment,Social,Governance) และความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นข้อกำหนดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ บริษัทประกันภัยต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์และบริการมีต่อโลกอย่างรอบด้าน

สำหรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ดร.สมพร ชี้ว่า ปัจจุบันลูกค้ามีข้อมูลในมือมากขึ้น สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงแค่ซื้อเพราะเป็นข้อบังคับ แต่ต้องเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความคุ้มค่า และสามารถตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง นวัตกรรมในด้าน Personalized Insurance จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก

ในมุมของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมต้องครอบคลุมหลายมิติ ทั้ง Usage-Based Insurance,Embedded Insurance และ All-in-One Insurance โดยบทบาทของเทคโนโลยี เช่น AI,Blockchain,IoT และ Sensor จะมีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก จุดเน้นสำคัญคือการคิดล่วงหน้าและลงมือก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งก่อนที่ความต้องการของลูกค้าจะปรากฏชัดเจน

ในส่วนของการบริหารความเสี่ยงด้านทรัพย์สิน ดร.สมพร กล่าวว่า การพัฒนานวัตกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน โดยเฉพาะในด้าน Flood Zoning ที่สามารถแบ่งพื้นที่ความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเบี้ย การออกแบบกรมธรรม์ และการบริหารพอร์ตการประกัน โดยมีข้อเสนอให้จัดทำ Digital Flood Risk Map ที่อัปเดตข้อมูลได้แบบ Real-Time และสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี IoT และ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) เพื่อสนับสนุนการประเมินความเสี่ยงเชิงพื้นที่

ในด้านการประกันภัยรถยนต์ จำเป็นต้องให้ความสำคัญในการจัดทำ “ราคากลาง” ของรถยนต์และค่าซ่อมแซมโดยใช้ระบบ AI และ Big Data เพื่อปรับปรุงราคากลางให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการเสนอเบี้ยประกันภัย และลดข้อโต้แย้งในกระบวนการเคลม

สำหรับการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ มีการเสนอแนวทางที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่าการจ่ายเมื่อล้มป่วย โดยใช้นวัตกรรมที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพ เช่น โปรแกรม Wellness Insurance,Telemedicine,AI ผู้ช่วยด้านสุขภาพ,ระบบตรวจจับความเสี่ยงล่วงหน้า และระบบเคลมอัตโนมัติแบบทันที

อีกประเด็นที่ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือการยกระดับ Insurance Literacy หรือความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยของประชาชน ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้จริง เช่น Modular Insurance ที่ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองเฉพาะด้านตามงบประมาณ,Bite-Sized Insurance ที่มีเบี้ยประกันต่ำเริ่มต้นเพียงไม่กี่บาทต่อวัน,All-in-One Insurance ที่รวมหลายความคุ้มครองไว้ในแพ็กเดียว และ Embedded Insurance ที่ฝังตัวอยู่ในบริการอื่น ๆ เช่น การจองตั๋วเดินทาง หรือการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างโอกาสให้ประชาชนเริ่มเข้าถึงและเรียนรู้ประกันภัยบนประสบการณ์จริง

ดร.สมพร กล่าวสรุปว่า อุตสาหกรรมประกันภัยไทยอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งการปรับตัวสู่ความยั่งยืนไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการปรับเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือช่องทางการจัดจำหน่ายเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล การบริหารความเสี่ยงที่ทันสมัย และการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการขับเคลื่อนนวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้ระบบประกันภัยสามารถคงบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ติดต่อเรา

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 เครือข่ายการศึกษาไทย    ติดต่อเรา  SiteMap